Drama Horror Mystery | 6.5/10

              แอนนา เทย์เลอร์ (Christina Ricci) คุณครูสอนนักเรียนชั้นประถมได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์หลังไปดินเนอร์กับแฟนหนุ่มอย่าง พอล (Justin Long) หลังจากนั้นแอนนาก็รู้สึกตัวและฟื้นขึ้นมาในห้องดับจิต โดยที่เธอเองนั้นไม่แน่ใจว่าตัวเองตายหรือไม่ เพราะเธอนั้นทั้งสามารถขัยบตัวและจับสิ่งของอะไรได้หลายอย่าง จนเธอได้พบกับ Eliot (Liam Neeson) ผู้ที่มีอาชีพแต่งหน้าศพและจัดงานศพ และเขายังพูดคุยกับแอนนาตามปกติและบอกอีกว่าตนนั้นมีพรสวรรค์ที่สามารถคุยกับร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ได้

              ฉากแรกของการเริ่มเรื่องทุกอย่างดูหน้าสนใจและทำให้เราตกใจ หลังจากเนื้อเรื่องของตัวละครหลักได้ดำเนินขึ้นก็ทำให้เราเริ่มสนใจเนื้อหาของตัวละครหลัก ถ้าใครได้อ่านเรื่องย่อมาแล้วคงสงสัยและตั้งใจดูเนื้อหาของเรื่อง การที่เกริ่นมาก่อนว่าตัวละครหลักหรือนางเอกของเรานั้นพื้นขึ้นมาในห้องดับจิต นั่นทำให้เราตั้งคำถามได้เราเลยว่า "ทำไมต้องฟื้นในห้องดับจิต อยู่ในห้องดับจิตแล้วทำไมถึงฟื้นได้" เนื้อหามันทำให้เราสนใจขึ้นเรื่องๆ หลังจากที่ได้ดำเนินเรื่องไปสักพัก มีนหลายๆอย่างจาเรื่องนี้ที่ทำให้เราสงสัยและตั้งคำถามใหม่ๆตลอดเวลา มีบางอย่างเหมือนกำลังหลอก อย่างตัวละครที่คอยบอกว่าเขามีพรสวรรค์ว่าเขาพูดกับศพได้ และศพของแอนนาสามารถที่จะขยับไปไหนมาไหนได้ แต่ถ้าใครที่ดูแล้วลองสังเกตุดีๆว่า ตัวละครของ Eliot นั้นจะพูดกับศพของนางเอกอย่างเดียวทั้งที่ในห้องก็ยังมีศพอื่นๆอยู่ด้วย หรือว่าเนื้อเรื่องมันทำให้เราไม่สนใจเพียงเพราะแอนนานั้นคือนางเอก 

             ในส่วนของตัวแอนนาเองบางที่มีหลายอย่างที่ทำให้เธอเชื่อว่าตัวเองยังไม่ตาย ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งของอะไรหลายอย่าง หรือแม้แต่ตอนที่เธอนั้นส่องกระจกลมหายใจของเธอนั้นทำให้เกิดไอขึ้นที่กระจก และจุดสังเกตุว่าแอนนานั้นมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่ตรงที่เธอมักจะถูกฉีดยาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อเข้าที่คออยู่เป็นประจำและมันมีผลข้างเคียงที่ทำให้เธอฝัน แต่ขณะที่เธอหลับเธอมันจะมีคนมาหาตลอด และฉากท้ายๆของเรื่องคือตอนที่แอนนานั้นนอนลงไปในโรงศพเรียบร้อยเพื่อรอทำพิธี เธอนั้นก็ยังคงเชื่อว่าตัวเองยังไม่ตาย ก่อนที่เธอจะถูกฉีดยาเข้าที่คออีกครั้งและถูกถ่ายภาพไว้โดยคนที่มีหน้าที่ดูแลศพหลังจากนั้นเธอก็ได้หลับอย่างไม่รู้สึกตัวในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความอาลัยให้กับแอนนา เทย์เลอร์ แต่หลังจากนั้นยาก็หมดฤทลงในขณะที่ร่างของเธอกำลังถูกฝังอยู่ใต้ดินของสุสาน

             ตอนใกล้จบของเรื่องมันยิ่งทำให้คนดูเกิดความสงสัยขึ้นมาเรื่อยๆและคงคิดในใจว่า "เฮ้ยยย อย่าเพิ่งจบนะ สรุปแล้วเรื่องมันเป็นยังไง" ใช่มั้ยล่ะคะ แต่ตอนจบจริงๆแล้วมันเกือบจะคล้ายๆกับเรื่องหักมุม และบทสรุปของเรื่องทั้งหมดที่ดำเนินมา เนื้อเรื่องมันมีหลายอย่างที่หลอกเรา มันทำให้เราเชื่อและยังมีความสงสัยในส่วนของการโกหกของตัวละคร แต่โดยรวมอล้วถ้าใครชอบเรื่องหักมุมที่เดาไม่ยาก After.Life ก็ถือว่าเป็นใช้ได้เลยทีเดียว แต่ถามว่าหนังดีขนาดไหน มันก็คงไม่ดีมาก มันหลอกง่ายเกินไปหน่อย 
read more "[Review] After.Life เหมือนตายแต่ไม่ตาย"


      
ประเภท Comedy | 7/10


                 เรื่องราวของ Bianca Piper ที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็น DUFF ประจำกลุ่ม DUFF คือ ผู้หญิงที่แย่ หรือไม่ฮอตที่สุดในกลุ่มเพื่อน ทุกกลุ่มเพื่อนจะมี DUFF ประจำกลุ่มทุกกลุ่มโดย Bianca คิดว่าเธอเองนั่นแหละที่หน้าตา รูปร่างไม่ดีเมื่อเทียบกับเพื่อนของเธออย่าง Jess และ Casey ที่ทั้งสูง หน้าตาดี แต่เธอนั้นเทียบอะไรไม่ได้เลย 

                The DUFF เป็นหนังแนวไฮสคูลที่พูดถึงคนที่ถูกคนอื่นมองไม่ดี เรื่องนี้จะสร้างออกมาให้มีเนื้อหาและมุมมองคล้ายกับเพื่อง Mean Girls แต่ส่วนตัวนั้นคิดว่ามีส่วนของบทตัวร้ายที่คอยดูถูกคนอื่นให้เนื้อหาคล้ายๆเรื่อง Mean Girl แต่มันก็ไม่ได้เหมือนและไม่ได้ตีความอย่างนั้นมากแต่เรื่องนี้ก็มีส่วนคล้ายของ Easy A อยู่เหมือนกันตรงที่ ถูกคนอื่นมองไม่ดีทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร และการแชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านสังคมออนไลน์  

              การนำเสนอเนื้อหาของเรื่องนี้ถือว่าดีเลยทีเดียว มีมุขตลกที่ขำจนใกล้จะมีตีนกายิ่งคนเส้นตื้นดูแล้วอาจจะอยากหัวเราะแล้วลงไปนอนกองกับพื้น เหมือนจะดูเว่อไปแต่ฝีมือการแสดงของนักแสดงนั้นดูเป็นธรรมชาติเอามากๆ ถึงแม้คนหัวเราะยากยังขำไม่หยุด ถึงแม้จะตลกมากก็ยังมีเนื้อหาที่เป็นข้อคิดอยู่มาก โดยปมเรื่องราวที่จะนำเสนอนั้นชวนติดตามและลุ้น คอยเอาใจช่วยตัวละครทุกครั้งที่พวกเขาเจอเหตุการณ์ต่างๆ  และการถ่ายทอดเรื่องราวของ The DUFF จะทำให้รู้สึกว่าเราได้ย้อนกลับไปในยุค 90' ดูจากการแต่งตัว สถานที่ อุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหลายแหล่ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ไม่ได้ทันสมัยเหมือนปัจจุบันสักเท่าไหร่ แต่นี่ถือเป็นหนังร่วมสมัยที่ไม่เชย แถมสถานที่ที่ถ่ายทำออกมายังทำให้ภาพสวย 

              ส่วนนักแสดงของเรื่องไม่ได้ถือว่าเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ อย่างตัวละครหลักอย่าง Bianca Piper ที่แสดงโดย Mae Whitman เธอไม่ได้แสดงหนังมากเท่าไหร่ส่วนใหญ่เธอหนักไปทางพากย์การ์ตูนเสียมากกว่า จะเรียกว่านักพากย์การ์ตูนเลยก็ว่าได้ โดยเธอพากย์การ์ตูนไปทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 45 เรื่อง ส่วนการแสดงเธอมักจะไปรับเชิญตามซีรีส์ต่างๆซึ่งไม่มากนัก ตามมาด้วยเพื่อนชายสุดซี้ของ Bianca หรือจะเรียกพระเอกก็ได้อย่าง Wesley Rush แสดงโดย Robbie Amell นักแสดงซีรีส์ ที่เราคุ้นๆหน้าจาก Tomorrow People, Alcatraz, The Flash, Revenge และอีกมากมาย ถ้าเรื่องนี้ไม่พูดถึงเพื่อนซี้ของตัวดำเนินเรื่องอย่าง Bianca ก็คงจะไมได้ คนแรก Jess แสดงโดย Skyler Samuels ส่วนใหญ่เธอนั้นจะแสดงซีรีส์มากกว่าภาพยนตร์ หลายคนอาจจะเคยเห็นเธอใน American Horror Story : Freak Show หรือแม่แต่เรื่อง The Gates และเพื่อนซี้อีกคนอย่าง Casey แสดงโดย Bianca A. Santos สาวละตินอเมริกาที่ชื่อจริงของเธอคล้ายกับชื่อตัวละครหลัก เธอไม่ค่อยมีผลงานแสดงมากเท่าไหร่แต่อาจจะเคยเห็นหน้าเธอในซีรีส์ The Fosters, Happyland และภาพยนตร์ Ouija มาถึงนักแสดงตัวสำคัญอีกคนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ในเรื่องจะเรียกว่าเธอนั้นเป็นตัวร้ายเลยก็ยังได้เธอเธอนั้นจะคอยแกล้งนางเอกเราอยู่ตลอดเวลาอย่าง Madison Morgan แสดงโดย Bella Throne หลายใครได้ดูเรื่องนี้แล้วคงหมันไส้เธอมาก ที่วันๆทำตัวสวย เอาแต่แกล้งคนอื่น คิดว่าตัวเองดังอยู่ตลอด ถึงแม้ลุคในหนังของเธอจะดูน่าอิจฉา เพราะสวย หุ่นดี แต่จริงๆแล้วเธอนั้นอายุเพียงแค่ 17 ปี โอ้มายก้อด เธอเป็นนักแสดงเด็ก มีผลงานมากมาย ถ้าจะบอกว่าเธอหน้าคุ้นๆเหมือนแสดงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ใช่เลยค่ะ เธอแสดงเรื่องนั้นทีุ่ณเคยดู

          The DUFF คุ้มค่ากับการดูมาก เนื้อหาดี ถึงแม้จะไม่ได้แปลกใหม่หรือแตกต่างจากเรื่องที่เคยสร้างมาประมาณนี้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ซ้ำใคร มีเอกลักษณ์เฉพาะเรื่อง ทั้งอารมณ์ ความรู้สึกหลักจากได้ดู โดยรวมแล้วสนุกมากไม่เคลียด ตลกพองาม ไม่ใช่มุขเกลื่อนกลาดเหมือนหนังคอมเมดี้ทั่วไป 
read more "The DUFF review"


             รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล Teen Choice Award 2015 โดยจะประกาศผลในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 8/7c ตามเวลาอเมริกา ถ่ายทอดสดทางช่อง FOX 


Movies

Choice Movie: Action/Adventure

ภาพยนตร์ แอคชั่น / แอดเวนเจอร์ ยอดเยี่ยม
Furious 7
Insurgent
Kingsman: The Secret Service 
San Andreas
The Maze Runner
Tracers

Choice Movie Actor: Action/Adventure 

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์แอคชั่น / แอดเวนเจอร์

Ansel Elgort - Insurgent
Dylan O'Brien - The Maze Runner
Paul Walker - Furious 7
Taylor Lautner - Tracers 
Theo James - Insurgent 
Vin Diesel - Furious 7

Choice Movie Actress: Action/Adventure

นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์แอคชั่น / แอดเวนเจอร์

Alexandra Daddario - San Andreas 
Jordana Brewster - Furious 7
Kaya Scodelario - The Maze Runner 
Maggie Grace - Taken 3
Michelle Rodriguez - Furious 7 
Shailene Woodley - Insurgent

Choice Movie: Sci-Fi/Fantasy

ภาพยนตร์ไซ-ไฟ / แฟนตาซียอดเยี่ยม

Avengers: Age of Ultron 
Cinderella
Mad Max: Fury Road
The Hobbit: Battle of the 5 Armies
The Hunger Games: Mockingjay Part 1 
Tomorrowland

Choice Movie Actor: Sci-Fi/Fantasy

นักแสดงชายยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์ไซน์-ไฟ /แฟนตาซี

Channing Tatum - Jupiter Rising
Chris Hemsworth - Avengers: Age of Ultron
George Clooney - Tomorrowland
Josh Hutcherson - The Hunger Games: Mockingjay Part 1 
Liam Hemsworth - The Hunger Games: Mockingjay Part 1 
Robert Downey Jr - Avengers: Age of Ultron

Choice Movie Actress: Sci-Fi/Fantasy

นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์ไซน์-ไฟ /แฟนตาซี

Mila Kunis - Jupiter Rising
Britt Robertson - Tomorrowland
Jennifer Lawrence - The Hunger Games: Mockingjay Part 1
Lily James - Cinderella
Scarlett Johansson - Avengers: Age of Ultron 
Mackenzie Foy - Interstellar

Choice Movie: Drama

ภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม

Fury
If I Stay
McFarland, USA
The Age of Adaline
The Longest Ride
The Theory of Everything

Choice Movie Actor: Drama

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์ดราม่า

Scott Eastwood - The Longest Ride
James Franco - True Story
JonahHill - True Story
Chris Hemsworth - Blackhat
Eddie Redmayne - The Theory of Everything 
Logan Lerman - Fury

Choice Movie Actress: Drama

นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์ดราม่า

Blake Lively - The Age of Adaline
Britt Robertson - The Longest Ride
Felicity Jones - True Story/ The Theory of Everything 
Reese Witherspoon - Wild
Kristen Stewart - Still Alice
Chloe Grace Moretz - If I Stay

Choice Movie: Comedy

ภาพยนตร์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม

Aloha
Dumb and Dumber To
Night At The Museum: Secret of The Tomb 
Paul Blart: Mall Cop 2
Pitch Perfect 2 
The Duff

Choice Movie Actor: Comedy

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์คอมเมดี้

Ben Stiller - Night At The Museum: Secret of The Tomb 
Bradley Cooper - Aloha
Jim Carrey - Dumb and Dumber To
Kevin James - Paul Blart: Mall Cop 2
Robbie Amell - The Duff
Sylar Astin - Pitch Perfect 2

Choice Movie Actress: Comedy 

นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท ภาพยนตร์คอมเมดี้

Anna Kendrick - Pitch Perfect 2 
Emma Stone - Aloha
Mae Whitman- The Duff
Raini Rodriguez- Paul Blart: Mall Cop 2
Rebel Wilson - Pitch Perfect 2
Reese Witherspoon - Hot Pursuit


Television

Choice TV Show: Drama 
ละครโทรทัศน์ดราม่ายอดเยี่ยม


Castle
Empire
Grey's Anatomy 
Nashville
Pretty Little Liars
The Fosters

Choice TV Actor: Drama
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภท ละครดราม่า


Ian Harding - Pretty Little Liars 
Jake T. Austin - The Fosters 
Jussie Smollett - Empire
Keegan Allen - Pretty Little Liars 
Nathan Fillion - Castle
Terrence Howard - Empire

Choice TV Actress: Drama 

นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท ละครดราม่า

Hayden Panettiere - Nashville 
Kerry Washington - Scandal 
Lucy Hale - Pretty Little Liars 
Maia Mitchell - The Fosters
Shay Mitchell - Pretty Little Liars 
Taraji P. Henson - Empire

Choice TV Show: Sci-Fi/Fantasy 

ละครไซน์-ไฟ / แฟนตาซียอดเยี่ยม

Arrow
Once Upon a Time
Sleepy Hollow
The Vampire Diaries
The 100
Marvel's Agents of S.H.I.E.L.D

Choice TV Actor: Sci-Fi/Fantasy

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภท ไซน์-ไฟ / แฟนตาซี

Bob Morley - The 100
Ian Somerhalder - The Vampire Diaries 
Jared Padalecki - Supernatural
Joseph Morgan - The Originals
Paul Wesley - The Vampire Diaries 
Stephen Amell - Arrow

Choice TV Actress: Sci-Fi/Fantasy 

นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท ไซน์-ไฟ / แฟนตาซี

Candice Accola - The Vampire Diaries 
Danielle Panabaker - The Flash
Eliza Taylor - The 100
Emily Bett Rickards - Arrow
Jennifer Morrison - Once Upon A Time 
Nina Dobrev - The Vampire Diaries

Choice TV Show: Comedy

ละครคอมเมดี้ยอดเยี่ยม

Austin & Ally
Awkward
Girl Meets World
New Girl
The Big Bang Theory 
Young & Hungry

Choice TV Actor: Comedy

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภท คอมเมดี้

Andy Samberg - Brooklyn Nine-Nine 
Anthony Anderson - Blackish
Chris Colfer - Glee
Jaime Camill - Jane The Virgin
Jim Parsons - The Big Bang Theory 
Ross Lynch - Austin & Ally

Choice TV Actress: Comedy

นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภท  ละครคอมเมดี้

Dove Cameron - Liv and Maddie
Emily Osment - Young & Hungry 
Gina Rodriguez - Jane The Virgin 
Kaley Cuoco - The Big Bang Theory 
Lea Michele - Glee
Zendaya - KC Undercover

Choice TV: Animated Show

การ์ตูนแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม

Adventure Time
Family Guy
Gravity Falls
The Regular Show 
The Simpsons 
Star Wars Rebels

Choice TV: Reality Show 

รายการเรียลลิตี้โชว์ยอดเยี่ยม

American Idol
Dance Moms
Keeping Up With The Kardashians 
Lip Sync Battle
MasterChef Jr.
The Voice
read more "รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล Teen Choice Awards 2015"


Drama | 9/10

                 เรื่องราวของชาวผิวสีในประเทศอเมริกาที่ต้องทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ให้กับชาวอเมริการผิวขาว โดยมีเพียงชาวผิวขาว 1 คนที่ไม่ดูถูกเหยียดหยามชาวผิวสี และอีก 2 ชาวผิวสีที่ไม่เหมือนใครในมิสซิซิปปี้ เรื่องเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1960 ในช่วงดูถูกชาวผิวสี ที่คนผิวขาวรังเกียจผิวสีขนาดที่ไม่ให้ใช้ห้องน้ำร่วมกัน

                 The Help สร้างมาจากนวนิยายที่คนพูดถึงมากที่สุดและเป็นหนังสือขายดีอันดับ 1 ของ New York Time


                 
                  การเล่าเรื่องสุดประทับใจของมิตรภาพระหว่างคนผิวสีและผิวขาวที่ร่วมกันทำหนังสือเล่ามุมมองการถูกกดขี่ข่มเหงที่ชาวผิวขาวทำกับคนรับใช้ที่เป็นผิวสี ชาวผิวสีมักจะโดนดูถูกโดยชาวผิวขาวอยู่เสมอ โดยเนื้อเรื่องที่เล่าถึงชาวผิวขาว 17 คนและมีเพียง 1 คนที่สนใจในมุมมองของการเป็นชาวผิวสีที่ต้องรับใช้ชาวผิวขาว โดยคนผิวขาวสมัยนั้นไม่เคยคิดถึงจิตใจของชาวผิวสีและมองว่าเป็นชนชั้นที่ต่ำกว่า การกระทำของคนผิวขาวที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้คนใช่ที่เป็นผิวสีใช้ห้องน้ำร่วมกัน หรือใช้ห้องน้ำที่อยู่ในบ้านโดยจะสร้างห้องน้ำแคบๆเอาไว้นอกบ้าน และสิ่งที่ชาวผิวขาวได้ทำอีกหลายอย่างถึงแม้เป็นคนคร่าชีวิตของชาวผิวดำก็ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายไปหมด  และคงไม่ใช่ชาวผิวขาวทุกคนที่ทำอย่างนั้นหรอกนะ แต่ยังมีมิตรภาพระหว่างคนผิวขาวและผิวดำเกิดขึ้นอยู่ที่คนผิวดำได้เล่าถึงเหตุการณ์ความเจ็บปวดระหว่างการทำงานเป็นคนรับใช้ให้กับชาวผิวขาว จนทำให้มีการล้างแค้นอย่างเจ็บปวดแต่ไม่รุนแรงเกิดขึ้นระหว่างเจ้านายและลูกน้อง 


                 จากการเล่าเรื่องของภาพยนตร์มันทำให้สิ่งที่ดูดราม่ามันน่าติดตามไปหมด ที่รวมทั้งเสียงหัวเราะ ความสุข และความทรงจำดีๆ กับภาพยนตร์เนื้อหาดีๆเรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวสุดประทับใจ ที่อาจเปลี่ยนความคิดของคุณได้หลายอย่าง สะท้อนปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจริง และฝีมือการแสดงที่ทำให้คนดูเข้าถึงความรู้สึกของตัวแสดง ที่พร้อมจะสงสาร และเสียน้ำตาให้กับตัวละครนั้น โดยผ่านฝีมือการแสดงโดย Emma Stone, Viola Davis, Octavia Spencer ที่ทำให้คนดูเข้าถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง สุดท้ายนี้ รับรองได้เลยว่า The Help เป็นภาพยนตร์ดีๆที่ควรบอกต่อ และเป็นภาพยนตร์ที่ใครได้ดูแล้วจะไม่มีวันลืมเรื่องราวน้ำเน่าๆเหล่านี้

                
read more "[Review] The Help ภาพยนตร์เนื้อหาดี"

THE CW ANNOUNCES 2015-16 FALL SCHEDULE



-“Crazy Ex-Girlfriend” ซีรีส์ใหม่จะเริ่มซีซั่น Premiere ในปลายปีนี้ ออกอากาศวันจันทร์ และต่อด้วย "Jane the Virgin" 


-“Legends of Tomorrow” ซีรีส์ใหม่จากค่าย DC Comic


-“Containment”  มาในช่วง Mid Season


-เจอกับมนุษย์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกอย่าง "The Flash" เจอกับเขาได้ในคืนวันอังคาร ตามมาด้วยน้องลิฟ จาก IZombie หลังจาก The Flash


-คืนวันพุธ พบกับโอเลิเวอร์ ควีน จาก "Arrow" และตามด้วย “Supernatural”


-คืนวันพฤหัส พบกับซีซั่นสุดท้ายของ “The Vampire Diaries” 


-ตามมาด้วย "The Originals"

-และวันศุกร์ พบกับเรียลลิตี้ โชว์ “America’s Next Top Model”


-หลังจากเดือน ตุลาคม ทางช่อง CW จะประกาศตาราง Premiere ของซีรีส์ที่จะมาใหม่


-“Crazy Ex-Girlfriend” ซีรีส์แนว Comedy, Musical กับหญิงสาวที่ต้องทิ้งบริษัททนายความและชีวิตใน New York และต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างใน California นำแสดงโดย Rachel Bloom


-"Reign" ย้ายไปออกอากาศวันศุกร์ และตามด้วย AMERICA’S NEXT TOP MODEL ซีซั่น 22



THE CW’s 2015-2016 PRIMETIME SCHEDULE


          วันจันทร์

8:00-9:00 PM Crazy Ex-Girlfriend (ซีรีส์ใหม่)
9:00-10:00 PM Jane The Virgin

          วันอังคาร

8:00-9:00 PM The Flash
9:00-10:00 PM IZombie

         วันพุธ

8:00-9:00 PM Arrow
9:00-10:00 PM Supernatural

         วันพฤหัส

8:00-9:00 PM The Vampire Diaries
9:00-10:00 PM The Originals 

          วันศุกร์

8:00-9:00 PM Reign
9:00-10:00 PM America’s Next Top Model



read more "ตารางออกอากาศช่อง CW ในช่วง Fall 2015-2016"


Romance Comedy | 7/10

               วาเลนไทน์ในแบบอเมริกันๆ เหมือนได้เห็นถึงความสำคัญของวันวาเลนไทน์ ชาวอเมริกานั้นให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างมากจะเรียกว่าวันสำคัญอีกวันหนึ่งยังได้เลย สำหรับวาเลนไทน์คงไม่ใช่วันหวานๆี่มีความสุขกันถ้วนหน้า บางคนไปดินเนอร์กับคนรัก บางคงได้พบคนรัก และวันวาเลนไทน์เป็นวันธรรมดาๆของบางคนที่ไม่ได้พบรักครั้งใหม่ เรื่องราวความรักของต่างคนย่อมแตกต่าง จริงๆแล้ววันวาเลนไทน์นั้นก็คือวันธรรมดาๆวันหนึ่งแหละแค่ทุกคนพร้อมที่จะทำวันนั้นให้มันให้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่ทำความสำคัญกับความรักมากกว่าเดิม 

               Valentine's Day คงไม่ใช่แค่หนังรักหวานๆที่ดูแล้วเลี่ยนจนอยากจะลุกหนี หรือมันเป็นหนังที่คนไม่มีรักดูไม่ได้ แต่มันเป็นหนังรักที่ไม่โรแมนติกจนเกินไป หรือตลกจนเกินไป แต่เป็นการเล่าให้ฟังว่าความรักต้องมีทั้งผิดหวังและสมหวัง การที่จะรักใครสักคนหนึ่งนั้น คุณต้องรับได้ทุกอย่างในตัวเขา ถึงแม้เขาจะไม่ได้ประกอบอาชีพสวยหรู ทำผิดครั้งใหญ่ในอดีต ต้องอยู่ห่างกัน หรือแม้จะไม่ได้รวยล้นฟ้า ถ้าคุณรักใครคนนึงแบบจริงๆเรื่องพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย 

              วาเลนไทน์นี่ก็เป็นอีกวันที่วุ่นวายน่าดูที่ทุกคนนั้นให้ความสนใจในสิ่งเดียวกัน นั่นคือ การซื้อของสักอย่างให้กับคนรัก ร้านค้าที่วุ่นวายไปหมด เป็นวันขายดีประจำปีของร้านดอกไม้ วันขายดีของร้านอาหาร ถนนที่วุ่นวายไปด้วยรถและผู้คนที่พร้อมจะเลิกงานและรีบไปพบหน้าคนสำคัญอย่างที่อะไรจะมาขวางไม่ได้ หรือเป็นอีกวันหนึ่งที่เราใช้จ่ายเพื่อความสุขอย่างไม่เสียดายเงิน แต่สำหรับคนที่เดียวดายคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้แน่ และการบอกเลิกกันในวันวาเลนไทน์นี่เหมือนการบอกเลิกที่เจ็บที่สุดในโลก เหมือนกับที่ทุกคนนั้นมีความสุขทั้งที่บางคนต้องรับความรู้สึกที่หนักๆไว้กับตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่ถูกบอกเลิกจะไม่ได้พบกับรักครั้งใหม่ในวันนี้  

               ถ้าพูดถึงการเล่าเรื่องของภาพยนตร์บางทีมันก็ดูลำเอียงไปหน่อย เนื้อหาที่เล่าถึงคนรักเป็นคู่ๆ คู่ไหนที่ดูเหมือนจะเป็นคู่หลักก็เล่าบ่อย บ่อยจนเกินคู่อื่นแทบไม่มีบทบาทเหมือนกับคนดูต้องสนใจแค่คู่ที่นำเสนอนั้นๆ หรือคู่อื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องแต่ไม่ได้เด่นตามที่เรื่องจะเสนอคืออกมาน้อยเกินไป หรือการเล่าเรื่องบางคู่ที่ยังตีความไม่กระจ่างอย่างคู่ที่เรื่องจะให้ออกมาหลังๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่หนังต้องการจะสื่อคือสิ่งที่ผู้ชมคิดตามนั้นตามที่หนังสื่อ แต่ตอนท้ายเรื่องกลับกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นแค่แป็ปเดียวเหมือนเรื่องที่เล่าตอนนั้นก็แค่เล่าให้หนังมันจบๆไป ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาของเรื่อง แต่ภาพรวมก็ยังทำให้คนดูมีความสุข หัวเราะตามสิ่งที่เกิดขึ้นและนับเวลาถอยหลังก่อนที่จะบอกลา Valentine's Day
read more "[Review] Valentine's Day"


โดย : แอดมินเพจ @interaddict_th ในทวิตเตอร์



Glee : 6.5/10
Comedy Drama Music
           
           Glee เป็นซีรีส์เรื่องที่ทำให้หยุดดูต่อไม่ได้ ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศแรกๆกระแสดีใช้ได้เลยลองดู หลังจากนั้นก็ติดอย่างงอมแงมทั้งเพลงที่นักแสดงนำมา Cover เป็นอะไรที่เพราะมากชีวิตไฮสคูลของอเมริกานั้นน่าสนใจเลยทีเดียว ซีรีส์เรื่องนี้ให้อะไรหลายอย่างมาก ทำให้รู้ว่าถึงชีวิตวัยรุ่นที่นั่นมีอิสระแต่ก็ไม่ได้สวยหรูอย่างที่ทุกคนคิด และ Glee ยังแสดงให้เห็นถึงความรัก ความสามัคคีของคนที่อยู่ร่วมกัน แม้จะต้องเจออุปสรรคอะไรหลายอย่างแต่ก็แสดงให้เห็นว่าคนที่รักในสิ่งเดียวกันย่อมทำให้ผ่านสิ่งเลวร้ายที่เจอมาได้ อย่างเช่น การแข่งขันของชมรมร้องเพลง ซีรีส์เรื่องนี้ตอบสนองคล้ายกับความจริงถึงแม้จะเป็นการแข่งขันที่เกิดขึ้นในซีรีส์แต่ก็ไม่ได้แปลว่า การแข่งขันนั้นจะชนะเสมอ ตัวละครหลายตัวในเรื่องนี้ล้วนผ่านอุปสรรคมาเสมอ ในที่สุดซีรีส์เรื่องนี้ก็จบลงในซีซั่นที่ 6 แต่ซีรีส์เรื่องนี้ได้ทิ้งสิ่งที่เกิดขึ้นจริงไว้ คือ เพลง เพลงที่นักแสดงได้ร้องเพื่อเล่าเรื่องราวของเรื่อง ของตัวละคร ถึงแม้ซีรีส์เรื่องนี้จะจบลงแต่รับรองได้เลยว่า ซีรีส์ และบทเพลง Cover จากเรื่องนี้จะอยู่ในใจผู้ชมไปอีกนาน.



Prison Break : 8.5/10
Action Crime Drama

          แทบไม่มีใครไม่รู้จักซีรีส์เรื่องนี้ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งที่บอกกันปากต่อปากมาก เรื่องที่เล่าถึงน้องชายที่เป็นวิศวกรได้วางแผนพาพี่ชายเขาหนีออกจากคุกโดยสักแผนที่ของคุกนั้นไว้ตามตัว Prison Break เป็นซ๊รีส์เรื่องแรกของใครหลายคนที่ทำให้ดูซีรีส์ฝรั่งต่อไปเรื่อยๆ ยอมรับเลยว่าซีรีส์เรื่องนั้นน่าติดตามจริงมันไม่ใช่แค่การแหกคุกธรรมดา มีหลายปม หลายสาเหตุที่ทำให้เรื่องนี้นั้นน่าตื่นเต้นและลุ้นไปกับเนื้อเรื่องตลอดเวลา ผู้ชมคอยเอาใจช่วยมาไมเคิล สกอร์ฟิลจะวางแผ่นหนียังไง จะหนีได้เมื่อไหร่ ไปกี่คน ระหว่างที่ติดคุกนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างนอกคุก เนื้อเรื่องเกี่ยวโยงยังไง ซีรีส์ไม่ได้เล่าแค่น้องชายช่วยพี่ชายแหกคุก แต่ยังมีตัวละครที่เป็นเพื่อนเกิดขึ้นโดยที่พวกเพื่อนๆนั้นจะขอหนีไปด้วย และเกิดอะไรหลังจากคุก เรื่องนี้คงไม่ได้ให้แต่ความตื่นเต้น แต่ยังมีอะไรมากกว่านี้ที่เราอาจจะยังไม่เคยรู้.



The Vampire Diaries : 8.7/10
Drama Fantasy Horror

          หลายคนคงตั้งคำถามว่า The Vampire Diaries จะเหมือน Twilight มั้ย? โดยความเห็นส่วนตัวแล้วขอตอบว่า ไม่เหมือน ซีรีส์เรื่องนี้คงเป็นเรื่องโปรดของใครหลายคนเรื่องนี้ตอบโจทย์ผู้ชมวัยรุ่นซะส่วนใหญ่ The Vampire Diaries ถ้าถามว่าโดยรวมแล้วเรื่องย่อเป็นยังไงคงตอบได้ยาก โดยรวมๆแล้วแฟนคลับของเรื่องนี้จะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย บางทีเรื่องนี้ก็เหมือนละครรักที่ทำให้ฟินกระจาย หรือจิ้นคู่นั้นคู่นี้ ขอชมผู้แต่เรื่องนี้เลยเขียนเรื่องอย่างมีชั้นเชิงมีปมหลายอย่าง แฟนตาซีสุดๆ Vampire Diaries ทำให้คนดูรู้สึกว่าการเล่าเรื่องแบบนี้เป็น Vampire Diaries จริงๆ แต่ซีซั่นหลังความรู้สึกต่างจากตอนที่เราดูซีซั่นแรกๆมาก ทัั้งเรื่องที่พัวพันและไม่มีเหตุผลเกินไป บางที่ตัวละครก็รู้สึกน่ารำคาญ ซึ่งต่างจากซีซั่นแรกๆมาก แต่ส่วนตัวก็ยังยกให้เรื่องนี้เป็นซีรีส์เรื่องโปรดอยู่



Orphan Black : 9.5/10
Action Drama Sci-Fi

            เริ่มดูเรื่องนี้ตอนที่เริ่มฉายได้ไม่กี่ตอนค่ะ ตอนแรกดูเพราะเนื้อเรื่องเหมือนจะน่าสนใจ ไปอ่านเรื่องย่อที่ว่า เมื่อซาร่าห์ได้เจอคนที่หน้าเหมือนเธอกำลังจะฆ่าตัวตายเธอจึงปลอมตัวเป็นคนนั้น ตามที่อ่านมาก็ประมาณนี้จุดดึงดูดความสนใจคือคนที่หน้าเหมือนเธอ เลือกดูเพราะทำไมถึงเจอคนหน้าเหมือน แต่หลังจากที่เริ่มดูก็ผิดคลาด ไม่คิดว่าจะมีซีรีส์เรื่องไหนสนุกน่าติดตามขนาดนี้มาก่อน ไม่มีซีรีส์เรื่องไหนที่เล่าเรื่องอย่างนี้มาก่อนมันทำให้รู้สึกว่าไม่อยากให้จบ การรอตอนถัดไหปมันนานไหนจะต้องรอซับไทยอีก ไม่ผิดหวังเลยที่เลือกดูเรื่องนี้ครบรสในเรื่องเดียว เรื่องนี้ถทอว่าหักมุมค่อนข้างเยอะ มีอะไรหลายอย่างที่คิดไม่ถึงและการแสดงของนักแสดงนำอย่าง Tatiana Maslany เธอสุดยอดมาก ทั้งสำเนียงและบทบาทเธอตอบโจทย์บทบาทที่เธอแสดงเป็นอย่างดี แต่เสียดายตรงที่แฟนคลับ Orphan Black ในประเทศไทยยังถือว่าไม่มาก ถ้าเราเจอคนที่ดูซีรีส์เรื่องเดียวกันหลายคนคงจะคุยกันสนุกกว่านี้ แต่ยกให้ซีรีส์เรื่องนี้อยู่ในอันดับ 1 ของซีรีส์เรื่องโปรดของเราค่ะ



Teen Wolf : 9/10
Drama Horror Comedy Fantasy

            สำหรับซีรีส์วัยรุ่นเรื่องนี้ถือว่าครบรสมาก ถึงแม้ชื่อเรื่องจะเป็น Teen Wolf แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่หมาป่า ยังมีตัวละครแฟนตาซีอีกมากโผล่มา เนื้อเรื่องทำให้คนดูอินไปกับบท ลุ้นไปตามเหตุการณ์ที่ตัวละครนั้นกำลังเล่าเรื่อง เนื้อหาซับซ้อนใช้ได้ถึงแม้ชื่อตัวละครแฟนตาซีนั้นจะจำยาก แถมเรื่องนี้ยังตอบโจทย์ด้านอารมณ์ของผู้ชมแอบเครียดตามไปกับเนื้อเรื่อง Teen Wolf เป็นอีกเรื่องที่ปฏิเสธที่จะเลือกดูไม่ได้ คือสนุกมากจริงๆ สนุกจนทำให้รู้สึกว่าในหนึ่งตอนที่เราดูทำไมมันจบเร็ว ทั้งที่ใน 1ep ความยาวก็พอๆกับเรื่องอื่นๆนั้นแหละ แต่ในซีซั่น 3 นี่เป็นซีซั่น พีคสุดเลย ซีรีส์มีความยาวมากกว่าทุกๆซีซั่ีนเนื้อหาเข้มข้นสุดๆ ดูแปปเดียวก็รู้สึกว่าจบแล้ว แต่ปัจจุบันมี 4 ซีซั่น โดยซีซั่น 5 จะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้



White Collar : 8/10
Comedy Crime Drama

              ว่าด้วยเรื่องการเป็นโจรที่ฉลาดมากแต่ดันถูกตำรวจจับได้ ตอนหลังก็มาช่วย FBI สืบคดี การสืบคดีของพระเอกนั้นเป็นอะไรที่ฉลาดมากน่าติดตามอยู่ตลอดเวลา หลายคนคงสงสัยว่าฉลาดขนาดนี้ทำไมถึงถูกตำรวจจับ เรื่องนี้คงอยากให้รู้ว่าถึงจะเก่งขนาดไหนคนเราก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง หรือบางคนคิดว่าเรื่องนี้มันฉลาดเกินไปนั้น คุณคิดถูกค่ะ แต่ความฉลาดที่พระเอกช่วย FBI ในการไขคดีมันเป็นอะไรที่ทุกคนสามารถทำได้แต่แค่เรายังไม่รู้ เรื่องนี้สอนให้เราเข้าใจหลายอย่างค่ะ ไม่ใช่แค่การไขคดี ตัวละครของเรื่องนี้ยังน่าติดตามทั้งมิตรภาพ และเสียงหัวเราะ เรื่องนี้เลือกนักแสดงเข้ากับบทตัวละครจริงๆ เป็นซ๊รีส์แนวสืบสวน-สอบสวนที่ไม่น่าเบื่อ


Empire : 8/10
Drama Family Musical

            เรื่องราวดราม่าดีๆกับปัญหาวุ่นๆบ้าๆในครอบครัว มันเหมือนกับถูกแบ่งเป็นหลายฝ่ายเราจะคอยเชียคอยลุ้นกับฝั่งที่เราคิดว่าถูก คงไม่ใช่เนื้อหาเข้มข้นจัดที่มีแต่การต้อสู้ปัญหาทางธุรกิจ และการเล่าเรื่องราวที่น่าค้นหาของครอบครัวในอดีตนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คนดูอยากติดตามต่อๆไป แต่เพลงเป็นอีกสิ่งที่จะร้องโดยนักแสดงที่มาจากเนื้อหาที่พูดถึงเพลงและจะได้ฟังเพลงที่เนื้อเรื่องพูดถึงนั้นจริงๆ เหมือนรวมคนเสียงดีไว้ในเรื่องเดียวและมุขตลกเข้มข้นถือว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ที่นักแสดงสาดใส่กันนั้นทำให้ Empire กลายเป็นซีรีส์เนื้อหาเข้มข้นและเหมือนจะหักมุมในเรื่องเดียวกัน นั่นทำให้เรื่องนี้กลายเป็นซีรีส์ดราม่าแห่งปี



Faking It : 8.5/10
Comedy High-School

          ซีรีส์ไฮสคูลที่เดินเรื่องอย่างไม่รอช้า เริ่มด้วยเพื่อนสนิทที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคู่เลสเบี้ยนและพวกเธอจึงแกล้งเป็นเลสเบี้ยนเพื่อความป็อปปูล่า เนื้อเรื่องคงไม่ใช่แค่นี้เรื่องราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเดินเรื่องไปได้อย่างสนุกและมีเหตุการณ์และตัวละครอื่นที่มีความน่าสนใจเกิดขึ้นเรื่อยๆ และคงไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทที่แกล้วเป็นเลสเบี้ยน แต่ยังมีทั้งคู่ชาย-หญิง หรือแม้แต่ชาย-ชาย นี่เป็นซีรีส์ไฮสคูลสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์สังคมสมัยนี้ได้อย่างดี ถ้าใครอยากดูซ๊รีส์แบบ Friendship หรืออยากดูซีรีส์ที่อยากหัวเราะออกมาดังๆ ขอแนะนำเรื่องนี้เลย โดย 1ep. ของ Faking It ฉายเพียง 20 นาที คำเตือนสำหรับคนที่จะเริ่มดู คือ รอให้เรื่องนี้ฉายไปหลายๆตอนแล้วค่อยดูทีเดียว ไม่อย่างงั้นเวลาที่เรากำลังตั้งตารอตอนใหม่มันยาวนานเป็นพิเศษ
read more "[Review] Series เรื่อยๆ"
 
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
แฟรนไชส์